Ford Everest Next Gen

Ford Everest Next Gen ได้รับการออกแบบให้เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ (SUV) ที่ผสมผสานความแข็งแกร่งเข้ากับความชาญฉลาดได้อย่างลงตัว โดยมีความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดที่โดดเด่น ควบคู่ไปกับความสะดวกสบายและการควบคุมที่ยอดเยี่ยมบนท้องถนน ด้วยมรดกที่ยาวนานกว่า 20 ปีในตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ Everest Next Gen ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงการออกแบบที่แข็งแกร่งและเป็นเอกลักษณ์ แต่ยังกำหนดมาตรฐานใหม่ด้านความปลอดภัย เทคโนโลยี และความสะดวกสบายอีกด้วย

การออกแบบภายนอกของ Everest Next Gen โดดเด่นด้วยกระจังหน้าอันเป็นเอกลักษณ์และไฟหน้า C-Clamp LED Daytime Running Lights (DRLs) ที่เป็นที่จดจำได้ทันที ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ DNA การออกแบบระดับโลกของ Ford

 ภายในห้องโดยสารถูกสร้างสรรค์ให้เป็นพื้นที่แห่งความหรูหราและความสะดวกสบาย สามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 7 คนอย่างสะดวกสบายในทุกสภาพเส้นทาง 

ความนิยมของ Ford Everest Next Gen นั้นเห็นได้ชัดจากการที่รถรุ่นนี้ทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่องในตลาดที่วางจำหน่าย โดยเฉพาะในประเทศไทย ซึ่งติดอันดับต้นๆ ของยอดขาย SUV และมีการเปิดตัวรุ่นพิเศษ Sport Special Edition ที่มาพร้อมดีไซน์สปอร์ตด้วยหลังคาสีดำ และล้ออัลลอย 20 นิ้วสีดำพร้อมก้านสีแดง เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด นอกจากนี้ Ford Everest Next Gen ปี 2025 ยังคงรักษาตำแหน่งอันดับสามในกลุ่ม SUV ขนาดใหญ่ จากการศึกษาคุณภาพเบื้องต้นของ J.D. Power Thailand ซึ่งตอกย้ำถึงคุณภาพและความน่าเชื่อถือของรถรุ่นนี้

แรงบันดาลใจในการปรับแต่ง Ford Everest Next Gen 

เกิดจากคุณสมบัติพื้นฐานของรถที่แข็งแกร่งและพร้อมสำหรับการผจญภัย ด้วย DNA ของ Ford ที่เรียกว่า "Built Tough".1 คุณสมบัติเหล่านี้เป็นรากฐานที่ยอดเยี่ยมสำหรับการปรับแต่งที่หลากหลาย เจ้าของรถจำนวนมากเลือกที่จะปรับแต่งรถของตนเพื่อสะท้อนรสนิยมส่วนบุคคลและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน.7 การปรับแต่งไม่ได้จำกัดอยู่แค่ความสวยงามภายนอก แต่ยังรวมถึงการเพิ่มสมรรถนะ ฟังก์ชันการใช้งาน และการบูรณาการเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเข้ากับตัวรถ หลายคนยังต้องการให้รถของตนมีรูปลักษณ์ที่ "ดุดัน" หรือ "มาดเท่" มากยิ่งขึ้น เพื่อให้โดดเด่นและบ่งบอกความเป็นตัวเองบนท้องถนน

ความแข็งแกร่งที่มาพร้อมจากโรงงานของ Ford Everest Next Gen มอบความได้เปรียบที่สำคัญในการปรับแต่งรถยนต์ รถรุ่นนี้ถูกออกแบบมาบนโครงสร้างแบบ Body-on-frame ที่แข็งแกร่ง มีระยะห่างจากพื้นสูง และระบบจัดการ Terrain Management System ที่ซับซ้อน คุณสมบัติเหล่านี้หมายความว่า Everest Next Gen มีรากฐานที่มั่นคงอยู่แล้ว ไม่เหมือนรถยนต์บางรุ่นที่อาจต้องมีการปรับโครงสร้างหรือกลไกอย่างกว้างขวางเพื่อให้มีความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรด การปรับแต่งสำหรับ Everest จึงสามารถมุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างจุดแข็งที่มีอยู่แล้ว เช่น การติดตั้งชุดยกที่ดุดันยิ่งขึ้น การเลือกใช้ยางออฟโรดเฉพาะทาง หรือการเพิ่มอุปกรณ์เสริมด้านความงามที่เข้ากันกับความแข็งแกร่งโดยธรรมชาติของรถ แทนที่จะต้องสร้างความสามารถจากศูนย์ การมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งนี้ช่วยลดอุปสรรคในการเข้าถึงการปรับแต่งที่สำคัญ ทำให้เจ้าของสามารถบรรลุการปรับปรุงสมรรถนะและรูปลักษณ์ที่โดดเด่นได้ด้วยการอัปเกรดที่ตรงจุด ซึ่งทำให้ Everest เป็นแพลตฟอร์มที่น่าสนใจสำหรับทั้งผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่แบบออฟโรดอย่างจริงจัง และผู้ที่ต้องการเพียงแค่รูปลักษณ์ที่ดูบึกบึนยิ่งขึ้นสำหรับการใช้งานในเมือง